วันพฤหัสบดีที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2557

Seagaia Ocean Dome

In the Japanese city of Miyazaki is the world's largest indoor water park - Seagaia Ocean Dome. Its opening has a dome 300 feet long and 100 wide. For its size the water park was included in the Guinness Book of rekrdov. Year-round under a giant dome to maintain a comfortable temperature: temperature not lower than 30 C, water - not less than 28 C. 
เมืองมิยาซากิ ประเทศญี่ปุ่น  มีสวนน้้ำในร่มขนาดมหีมา  Seagaia Ocean Dome   และอุณหภูมิของน้ำจะถูกปรับให้อยู่ระหว่าง 28 - 30 องศา ตลอดเวลา

Seagaia Ocean Dome
Seagaia Ocean Dome

Seagaia Ocean Dome
Seagaia Ocean Dome

Seagaia Ocean Dome
Seagaia Ocean Dome

Seagaia Ocean Dome
Seagaia Ocean Dome

Seagaia Ocean Dome
Seagaia Ocean Dome

Seagaia Ocean Dome
Seagaia Ocean Dome

Seagaia Ocean Dome

Apple iPhone 6

Apple เปิดตัว iPhone 6 อย่างเป็นทางการ

iphone-6-bigger-than-bigger
เมื่อคืนนี้ Apple ได้จัดงานเปิดตัวสินค้าและใหม่อย่างเป็นทางการโดยสินค้าและบริการใหม่ที่เปิดตัวก็เป็นไปตามข่าวลือที่ลือกันมาก่อนหน้านี้แล้วเช่น iPhone 6 ขนาดหน้าจอ 4.7″ และ 5.5″, บริการ Apple Pay บริการชำระค่าสินค้าผ่านมือถือ และนาฬิการอัจฉริยะ Apple Watch
iphone-6-and-iphone-6-plus
เรื่องของหน้าจอ สำหรับ iPhone 6 ที่ทุกคนรอคอยนี้ทาง Apple จะก็เปิดตัวมาสองรุ่นสองขนาดหน้าจอตามคาด โดย
  • iPhone 6 จะมีขนาดหน้าจอ 4.7″ มีความละเอียดหน้าจอ 1334×750 pixels
  • iPhone 6 Plus จะมีขนาดหน้าจอ 5.5″ มีความละเอียดหน้าจอระดับ Full HD 1920×1080 pixels
iphone-6-thicknest-compare
ความบาง ใน iPhone 6 นี้ นอกจากการ Apple จะพัฒนาคุณสมบัติต่างๆ ให้มากขึ้นแล้ว ทาง Apple ยังออกแบบให้ iPhone 6 นี้มีขนาดบางลงกว่ารุ่นก่อนอีกด้วย โดยรุ่น 4.7″ จะบางเพียงแค่ 6.9 มม. และรุ่น 5.5″ จะบาง 7.1 มม. ถ้าเทียบกับ iPhone 5s ที่หนา 7.6 มม. พบว่าจะบางลงไปถึงเกือบ 10% เลยทีเดียว
iphone-6-screen-resolutions
ความละเอียดจอ ด้วยขนาดหน้าจอที่ใหญ่ขึ้นนี้เอง Apple ก็ได้ทำการเพิ่มความละเอียดหน้าจอให้สูงขึ้นเพื่อให้สามารถใช้พื้นที่บนจอได้มากขึ้น โดยเฉพาะ iPhone 6 Plus จะมีความสามารถในการใช้แอพแนวนอนมากคล้ายๆ iPad เลย แอพจะสามารถแบ่งออกเป็นสองส่วนซ้ายและขวาได้ (ตามภาพ)
iphone-6-plus-landscape-app iphone-6-a8
ความแรง ทางด้านความแรงของตัวเครื่อง ทาง Apple บอกว่าในชิพ A8 ใหม่ที่ใช้กับ iPhone 6 นี้
  • CPU จะแรงกว่า A7 ใน iPhone 5s ถึง 25%
  • GPU จะแรงกว่า A7 ใน iPhone 5s ถึง 50%
  • อัตราการกินไฟดีขึ้น (ประหยัดแบตขึ้น) มากแค่ไหนไม่ได้บอกไว้
a8-chip-performance
iphone-6-camera
กล้องที่ได้รับการพัฒนาขึ้น กล้องของ iPhone 6 ก็ได้รับการออกแบบใหม่ ตัวเซนเซอร์จะรองรับ Focus Pixels ที่ใช้กันในกล้องระดับ DSLR แต่สำหรับ iPhone 6 Plus จะพิเศษหน่อยตรงที่มีระบบ OIS กันสั่นเข้ามาให้ด้วย
iphoen-6-battery-compare
เรื่องของแบต เรื่องที่ทุกคนคาดหวังกันมากคือเรื่องของแบตเตอรี่ จากข้อมูลที่ Apple ให้มาจะเห็นว่า iPhone 6 นั้นจะแบตทนขึ้นกว่าเดิมเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ในขณะที่ iPhone 6 Plus จะแบตทนขึ้นกว่าเดิมมาก
สรุป สเปคคร่าวๆ ของ iPhone 6 มีดังนี้ครับ
  • ใช้ชิพ A8 แบบ 64-bit และชิพ M8 สำหรับตรวจจับการเคลื่อนไหว
  • ไม่มีรุ่นความจุ 32 GB แล้ว มีเป็น 16/64/128 GB
  • iPhone 6 หนัก 129 กรัม ส่วน iPhone 6 Plus หนัก 172 กรัม
  • iPhone 6 ความละเอียดหน้าจอ 1334×750 pixels 326 ppi
  • iPhone 6 Plus ความละเอียดหน้าจอ 1920×1080 pixels 401 ppi
  • กล้องหลัง 8 ล้านพิกเซลเท่าเดิม แต่พัฒนาเรื่องคุณภาพขึ้น ทำให้ภาพชัดขึ้นคมขึ้น
  • เพิ่มถ่ายวีดีโอความละเอียด 1080p ที่ 60 fps ได้ (จากเดิมได้แค่ 30 fps)
  • เพิ่มถ่ายวีดีโอ Slo-mo ที่ 240 fps ได้ (จากเดิมได้แค่ 120 fps)
  • กล้องหน้าเพิ่มโหมดถ่ายรัวเข้ามา (Burst mode)
  • รองรับบริการ Apple Pay ด้วย ​Touch ID และ NFC ที่ฝังเข้ามาด้านบนของตัวเครื่อง
  • รองรับ Wi-Fi แบบ 802.11ac ที่เร็วกว่า 802.11n ถึง 3 เท่า
  • รองรับ LTE มากถึง 20 คลื่นความถี่ และความเร็วสูงสุด 150 Mbps
  • รองรับ VoLTE
  • เพิ่มเซนเซอร์วัดแรงกดอากาศ Barometer
  • แบตทนขึ้น!

วันอังคารที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2557

Attractions in Korea

สถานที่ท่องเที่ยวในประเทศ เกาหลีใต้ Attractions in Korea

หมู่บ้านบุกชอนฮานก (Bukchon Hanok Village)

หมู่บ้านบุกชอนฮานก โซล เกาหลี
หมู่บ้านเกาหลีโบราณอันโด่งดังในประวัติศาสตร์ เพราะเป็นที่อยู่ของขุนนางเก่าระดับสูง ตั้งอยู่ระหว่างพระราชวังเคียงบกกุง (Gyeongbokgung Palace) และพระราชวังชางดกกุง (Changdeokgung Palace) สภาพอาคารบ้านเรือน ยังคงเป็นแบบเก่าที่อนุรักษ์ไว้ ในละแวกใกล้ๆ กัน ก็มีพิพิธภัณฑ์งานศิลปะของไก่แห่งกรุงโซล (Soul Museum of Chicken Art) จัดแสดงงานศิลปะที่ได้แรงบันดาลใจมาจากไก่

ย่านวัฒนธรรมอินซา-ดง (Insa-dong Culture District)

อินซา-ดง โซลเกาหลี
แหล่งขายของเก่าขึ้นชื่อของเมือง เป็นถนนแอนติค (Antique) มีทั้งร้านรวงแบบเดิม เช่น โรงน้ำชา ร้านอาหาร และร้านขายของ ที่ทั้งการตกแต่งตัวอาคาร รวมไปถึงสินค้าที่ขายในย่านนี้ ยังคงดำรงซึ่งศิลปวัฒนธรรมแบบเกาหลีโบราณ นักศิลปนิยมและคนรักของเก่าไม่ควรพลาดการมาเยือนอินซา-ดง

พระราชวังเคียงบกคุง (Gyeongbokgung Palace)

พระราชวังเคียงบกคุง โซล เกาหลี
เป็นที่ประทับของกษัตริย์ในสมัยโบราณมีอายุกว่า 600 ปี ถือเป็นศูนย์รวมประวัติศาสตร์ความเป็นมาของเกาหลี เพราะในเขตพระราชวังนั้น ยังเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ และพิพิธภัณฑ์พื้นบ้าน และในละแวกเดียวกันก็เป็นที่ตั้งของทำเนียบและบ้านพักของประธานาธิบดีเกาหลี

เขตเมียงดง (Myeong dong)

เขตเมียงดง โซล เกาหลี
คนไทยมักเรียกกันติดปากว่า “ตลาดเมียงดง” เพราะเป็นแหล่งร้านค้าชั้นนำของเมือง ซึ่งมีทั้งห้างสรรพสินค้าใหญ่ และร้านค้าแผงลอยรายรอบ เน้นขายสินค้าแบรนด์เนมในประเทศเป็นหลัก  ถือว่าเป็นถนนแฟชั่นของเกาหลี และยังอุดมไปด้วยร้านอาหาร ร้านคาเฟ่มากมาย ตลาดเมียงดงแห่งนี้ เป็นที่นิยมถึงขั้นมีการทำสถิติขึ้นมาว่า ทุกๆ วันจะมีนักช้อปปิ้งมาแวะเวียนมากว่า 1 ล้านคนต่อวัน

ตลาดนัมเดมุน (Namdaemun Market)

ตลาดนัมเดมุน โซล เกาหลี
เป็นตลาดขายส่งขนาดใหญ่ คล้ายๆ สำเพ็งบ้านเรา เป็นแหล่งค้าส่งของประเทศ ที่มีร้านค้าสารพัดประเภทกว่าพันร้าน และหากคุณเป็นนักต่อสินค้าตัวยง ขอให้รู้กันไว้ก่อนว่า ตลาดค้าส่งแห่งนี้ได้ขึ้นชื่อว่า เป็นแหล่งปราบเซียนนักต่อรองสินค้าระดับพระกาฬ

หอคอยกรุงโซล (N’ Seoul Tower)

หอคอยกรุงโซล โซล เกาหลี
เป็นจุดชมวิวหลัก และเป็น 1 ใน 18 หอคอยสูงที่สุดของโลก กิจกรรมยอดนิยมจนเสมือนจะเป็นประเพณีของคู่รัก ที่มาเยือนหอคอยแห่งนี้ คือ การคล้องกุญแจแห่งรัก โดยคู่รักทั้งสองจะเขียนชื่อของตนไว้บนแม่กุญแจ และทำการล็อคไว้กับรั้วเหล็ก แล้วทิ้งลูกกุญแจไปซะ มีความเชื่อว่า จะช่วยให้ทั้งคู่ไม่พรากจากกัน นอกจากไฮไลท์เรื่องความรักแล้ว หอคอยแห่งกรุงโซลนี้ ยังเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์หมีน้อยเท็ดดี้ (Teddy Bear Museum) โดยมีการจัดโชว์ตุ๊กตาหมีจากทั่วโลก และมีการนำเสนอเรื่องราวประวัติศาสตร์ของเกาหลี ผ่านตุ๊กตาหมีในชุดเสื้อผ้าและเครื่องแบบต่างๆ

วัดโชเกซา (Chogyesa Temple)

วัดโชเกซา โซล เกาหลี
เป็นวัดใหญ่แห่งเดียวในใจกลางเมืองหลวง สร้างขึ้นในปี 1910 และเป็นวัดศูนย์กลางของพุทธศาสนานิกายโซเก ซึ่งเป็นนิกายที่ใหญ่ที่สุดของเกาหลี  นอกจากนี้ ภายในวัดยังมีต้นสนโบราณจากเมืองจีนอายุกว่า 500 ปีอีกด้วย

สวนสนุกล็อตเต้ เวิลด์ (Lotte World)

สวนสนุกล็อตเต้ เวิลด์ โซล เกาหลี
เป็นสวนสนุกในร่มที่ใหญ่ที่สุดในโลก และยังมีส่วนของสวนสนุกกลางแจ้ง ที่เรียกกันว่า “เกาะมายากล” (Magic Island) ซึ่งสวนสนุกแห่งนี้อัดแน่นไปด้วยสารพัดเครื่องเล่น ทั้งในรูปแบบของสวนสนุกในจินตนาการ ไม่ว่าจะเป็นหอคอย เรือไวกิ้ง รถรางไฟฟ้า ม้าหมุน สนามเด็กเล่นในเทพนิยาย และพิพิธภัณฑ์ เป็นต้น นอกจากนี้ในตัวอาคารเดียวกันยังมีส่วนของโรงแรม โรงหนัง ร้านค้า และร้านขายอาหาร

ตลาดทงเดมุน (Dongdaemun or Tongdaemun Market)

ตลาดทงเดมุน โซล เกาหลี
เป็นตลาดนัดที่ใหญ่ที่สุดของกรุงโซล และในเอเชีย นับเป็นตลาดยอดฮิตอีกแห่ง เป็นแหล่งขายสินค้าหลากหลาย ตั้งแต่แฟชั่นเสื้อผ้า เครื่องประดับ ไปจนถึงอุปกรณ์ไฟฟ้า ของที่ระลึก ของแต่งบ้าน สินค้าพื้นเมือง ฯลฯ แต่จุดเด่นจะอยู่ที่เรื่องเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย เพราะตลาดนี้ จะมีทั้งขายส่งและขายปลีกเสื้อผ้ายี่ห้อเดียวกันกับบนห้างสรรพสินค้า แต่ราคาต่ำกว่าอยู่ประมาณหนึ่ง

ถนนโรดีโอ เขตอัปกูจองดง-กังนัม (Rodeo Street, Apgujeong dong-Gangnam)

ถนนโรดีโอ เขตอัปกูจองดง-กังนัม โซล เกาหลี
ถนนเส้นนี้อยู่ไม่ไกลจากเขตเมียงดง และถึงกับได้รีวิวจากการท่องเที่ยวเกาหลี ว่าเป็น “อภิหาถนนแฟชั่นหรู” (Seoul’s Luxury Fashion Macca) ของประเทศ เพราะเต็มไปด้วยร้านค้าสินค้าแบรนด์เนมชั้นนำ จากทั่วทุกมุมโลก และสินค้าแบรนด์เนมชั้นนำของเกาหลี สนนราคาการจับจ่ายบนถนนเส้นนี้ไม่ถูก แต่ก็ถือว่าล้ำ นำสมัย และหรูหรา ไม่แพ้การไปช้อปปิ้งในเมืองใหญ่ ในแถบยุโรปหรืออเมริกาเลยทีเดียว
ลองชองเกชอน

           ที่เอาคลองซองเกชอนเข้ามาติดอันดับนั้น ก็เพราะว่าผมอยากให้เห็นถึงนวัตกรรมในการบำบัดน้ำเสีย และความตั้งใจจริงของรัฐบาลและประชาชนเกาหลี ที่จะเปลี่ยนคลองที่มีน้ำเน่าเสียและตื้นเขินให้หลายเป็นคลองที่ ไม่มีกลิ่นเหม็น น้ำใสสะอาด ให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของกรุงโซล ซึ่งถ้าเปรียบเทียบกับบ้านเราก็คงจะเป็นคลองแสนแสบ แต่จะให้น้ำใสสะอาดเหมือนคลองซองเกชอน ก็คงต้องใช้ความร่วมมือทั้งรัฐบาลและประชาชนอย่างมาก

light

           
คลองชองเกชอน 

เป็นคลองโบราณในสมัยราชวงศ์โชซอน อายุกว่า 600 ปี ความยาวประมาณ 5.84 กิโลเมตร ไหลผ่านย่านใจกลางกรุงโซล แต่ในช่วงค.ศ. 1957-1977 ได้มีการพัฒนาประเทศอย่างก้าวกระโดด ทำให้คลองถูกถมลงเป็นถนนและทางด่วน เกิดตึกสูงมากมาย คลองชองกเยชอนก็เริ่มเน่าเสียและตื้นเขิน เรียงไปด้วยชุมชนแออัด

light

          จนกระทั่งปีค.ศ. 2002 นายลี มยองปาก ได้รับตำแหน่งเป็นผู้ว่าการกรุงโซล เขาได้เสนอโครงการฟื้นฟูคลองชองเกชอน โดยมีพ่อค้าแม่ค้าและประชาชนต่อต้านจำนวนมาก จนต้องมีการประชุมร่วมกันมากกว่า 2,000 ครั้ง แต่โครงการก็เริ่มขึ้นได้ด้วยดีในวันที่ 1 กรกฎาคม ค.ศ. 2003 โดยเริ่มทุบทางด่วน และรื้อถนนโดยรอบมากมาย จนแล้วเสร็จในปีค.ศ. 2005 มีพิธีเปิดเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม ใช้งบประมาณกว่า 380,000,000,000 วอน หรือราวๆ 1 หมื่นล้านบาท พร้อมกับฟื้นฟูธรรมชาติสองฝั่งคลอง ขุดท่อผันน้ำจากแม่น้ำฮันเข้ามาที่ต้นคลอง มีการสร้างน้ำพุตลอดแนว และมีน้ำตกเป็นแนวกั้นน้ำฝน มีสะพานกว่า 22 แห่ง และทางเดินเลียบคลอง จนปัจจุบันคลองชองกเยชอนได้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญมากในกรุงโซล

Thailand Food




     อาหารไทย     



             

อาหารไทย เป็นอาหารประจำของประเทศไทย ที่มีการสั่งสมและถ่ายทอดมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่อดีต จนเป็นเอกลักษณ์ประจำชาติ ถือได้ว่าอาหารไทยเป็นวัฒนธรรมประจำชาติที่สำคัญของไทย อาหารที่ขึ้นชื่อที่สุดของคนไทย คือ น้ำพริกปลาทู พร้อมกับเครื่องเคียงที่จัดมาเป็นชุด
จากผลการสำรวจ 50 อาหารที่อร่อยที่สุดในโลกปี 2554 โดย ซีเอ็นเอ็น (CNN) ผลปรากฏว่า อาหารไทยติดหลายอันดับ ได้แก่ ส้มตำ อันดับที่ 46,น้ำตกหมู อันดับที่ 19, ต้มยำกุ้ง อันดับที่ 8 และ แกงมัสมั่น ติดอันดับที่ 1
 Thailand Food A dish of That are acquired and transmitted continuously from the past. As a national identity Thailand food is regarded as an important national culture of Thailand. Thailand's most famous dishes is fish sauce with a side that came as a set. 

A survey of 50 most delicious foods in the world for 2554 by CNN (CNN), the results show that the food Thailand on several charts including papaya No. 46, falls among the Top 19, Tom Yum Goong, ranked 8th and paste ranked. 1

อาหารไทยภาคต่าง ๆ Thailand's Food Sector

อาหารพื้นบ้านภาคเหนือ

ภาคเหนือรวม 17 จังหวัดประกอบด้วยภูมินิเวศน์ที่หลากหลายพร้อมด้วยชาติพันธุ์ต่าง ๆ ที่ตั้งถิ่นฐานในพื้นที่ราบลุ่ม ที่ดอน และที่ภูเขาสูงในการดำรงชีพ การตั้งถิ่นฐานของชาวไทยพื้นราบซึ่งเป็นชาติพันธุ์ส่วนใหญ่จะกระจุกตัวอยู่ที่พื้นที่ลุ่มบริเวณแม่น้ำสายใหญ่ เช่น ปิง วัง ยม น่าน ของลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนบน และ อิง ลาว ของลุ่มน้ำโขง มีวิถีชีวิตผูกพันกับวัฒนธรรมการปลูกข้าวโดยชาวไทยพื้นราบภาคเหนือตอนบน 9 จังหวัด (เชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง ลำพูน แม่ฮ่องสอน พะเยา อุตรดิตถ์ แพร่ น่าน) มีวัฒนธรรมการผลิตและการบริโภคข้าวเหนียวเป็นหลัก
อาหารของคนเหนือจะมีความงดงาม เพราะด้วยนิสัยคนเหนือจะมีกริยาที่แช่มช้อย จึงส่งผลต่ออาหาร โดยมากมักจะเป็นผัก

Northern Foods Northern 17 counties include landscape ecology, equipped with various ethnicities that settled in the mountains and inland wetlands in their lives. The settlement of Thailand lowland ethnic majority, which is concentrated in the lowland area rivers such as Ping, Wang, Yom and Nan basin of the Chao Phraya and based on the Lao Mekong Basin. Way of life is bound to the culture of rice by lowland northern Thailand 9 provinces (Chiang Rai, Lampang, Lamphun, Mae Hong Son, Phayao, Phrae, Nan, Uttaradit) cultural production and consumption of rice is. The diet of the North will be beautiful. Because of the above habits are verbs that แchemchgai. Thus affecting the food Usually a vegetable

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ประชากรในภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีวิถีชีวิตที่ผูกติดกับทรัพยากรธรรมชาติที่แตกต่างหลากหลาย ทั้งในเขตที่ราบ ในแอ่งโคราชและแอ่งสกลนคร อาศัยลำน้ำสำคัญ เช่น ชี มูล สงคราม โขง เป็นต้น และชุมชนที่อาศัยในเขตภูเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทือกเขาภูพานและเทือกเขาเพชรบูรณ์ ซึ่งความแตกต่างของทรัพยากรธรรมชาติ ทำให้ระบบอาหารและรูปแบบการจัดการอาหารของชุมชนแตกต่างกันไปด้วย แต่เดิมในช่วงที่ทรัพยากรธรรมชาติยังอุดมสมบูรณ์ อาหารจากธรรมชาติมีความหลากหลายและอุดมสมบูรณ์มาก ชาวบ้านจะหาอาหารจากแหล่งอาหารธรรมชาติเท่าที่จำเป็นที่จะบริโภคในแต่ละวันเท่านั้น เช่น การหาปลาจากแม่น้ำ ไม่จำเป็นต้องจับปลามาขังทรมานไว้ และหากวันใดจับปลาได้มากก็แปรรูปเป็นปลาร้าหรือปลาแห้งไว้บริโภคได้นาน ส่งผลให้ชาวบ้านพึ่งพาอาหารจากตลาดน้อยมาก ชาวบ้านจะ “ปลูกทุกอย่างที่กิน กินทุกอย่างที่ปลูก” สวนหลังบ้านมีบทบาทสำคัญในฐานะเป็นแหล่งอาหารประจำครัวเรือน ชาวบ้านมีฐานคิดสำคัญเกี่ยวกับการผลิตอาหาร คือ ผลิตให้เพียงพอต่อการบริโภค มีเหลือแบ่งปันให้ญาติพี่น้อง เพื่อนบ้านและทำบุญ
อาหารอีสานจะเน้นไปทางรสชาติที่รสจัด เช่น ส้มตำปูปลาร้า
Northeast 
Population in the Northeast is a way of life tied to a variety of different resources. The Plains Sakon Nakhon basins and basin Living rivers such as the Mekong-Chi-Mun war, etc., and communities living in mountainous areas. In particular, the Phu Phan and Phetchabun mountain range. The difference of natural resources Making and management style of cuisine varies by community. Originally in the natural resources are abundant. Natural foods are diverse and abundant. Villagers to obtain food from natural food sources as necessary to consume each day is like a fish out of water. No need to catch fish to torture the prisoners. And if any catch as many fish as fish or dried fish is processed into food for longer. As a result, residents rely on food from the market, very few people will "grow everything they eat. Eat everything planted "backyard has an important role as a source of food for the household. People have this idea about the importance of food production to produce enough for consumption. Have to share with relatives Neighbors and philanthropy 
Food is more flavorful taste like fish, crab salad.

อาหารภาคกลาง

ลักษณะอาหารพื้นบ้านภาคกลางมีที่มาต่างกันดังนี้
  1. ได้รับอิทธิพลจากต่างประเทศ เช่น เครื่องแกง แกงกะทิ จะมาจากชาวฮินดู การผัดโดยใช้กระทะและน้ำมันมาจากประเทศจีนหรือขนมเบื้องไทย ดัดแปลงมาจาก ขนมเบื้องญวน ขนมหวานประเภททองหยิบ ทองหยอดรับอิทธิพลจากประเทศทางตะวันตก เป็นต้น
  2. เป็นอาหารที่มักมีการประดิษฐ์ โดยเฉพาะอาหารจากในวังที่มีการคิดสร้างสรรค์อาหารให้เลิศรส วิจิตรบรรจง เช่น ขนมช่อม่วง จ่ามงกุฎ หรุ่ม ลูกชุบ กระเช้าสีดา ทองหยิบ หรืออาหารประเภทข้าวแช่ ผัก ผลไม้แกะสลัก
  3. เป็นอาหารที่มักจะมีเครื่องเคียง ของแนม เช่น น้ำพริกลงเรือ ต้องแนมด้วยหมูหวานแกงกะทิ แนมด้วยปลาเค็ม สะเดาน้ำปลาหวานก็ต้องคู่ กับกุ้งนึ่งหรือปลาดุกย่าง ปลาสลิดทอดรับประทานกับน้ำพริกมะม่วง หรือไข่เค็มที่มักจะรับประทานกับน้ำพริกลงเรือ น้ำพริกมะขามสดหรือน้ำพริกมะม่วง นอกจากนี้ยังมีของแหนมอีกหลายชนิด เช่น ผักดอง ขิงดอง หอมแดงดอง เป็นต้น
  4. เป็นภาคที่มีอาหารว่าง และขนมหวานมากมาย เช่น ข้าวเกรียบปากหม้อ กระทงทอง ค้างคาวเผือก ปั้นขลิบนึ่ง ไส้กรอกปลาแนม ข้าวตังหน้าตั้ง

อาหารภาคใต้

ภาคใต้มีภูมิประเทศเป็นทะเล ชาวใต้นิยมใช้กะปิในการประกอบอาหาร อาหารที่ปรุงในครัวเรือนก็เหมือนๆกับอาหารไทยทั่วไป แต่รสชาติจะจัดจ้านกว่า อาหารใต้ไม่ได้มีเพียงแค่ความเผ็ดจากพริกแต่ยังใช้พริกไทยเพิ่มความเผ็ดร้อนอีกด้วย และเนื่องจากภาคใต้มีชาวมุสลิมเป็นจำนวนมาก ตามจังหวัดชายแดนใต้ก็ได้มีอาหารที่แตกต่างกันไป ตัวอย่างอาหารใต้ที่ขึ้นชื่อได้แก่
  1. แกงไตปลา (ไตปลา ทำจากเครื่องในปลาผ่านกรมวิธีการหมักดอง) การทำแกงไตปลานั้นจะใส่ไตปลาและเครื่องแกงพริก ใส่สมุนไพรลงไป เนื้อปลาแห้ง หน่อไม้สด บางสูตรใส่ ฟักทอง ถั่วพลู หัวมัน ฯลฯ
  2. คั่วกลิ้ง เป็นผัดเผ็ดที่ใช้เครื่องแกงพริกและสมุนไพรปรุง รสชาติเผ็ดร้อน มักจะใส่เนื้อหมูสับ หรือ ไก่สับ
  3. แกงพริก แกงเผ็ดที่ใช้เครื่องแกงพริกเป็นส่วนผสม เนื้อสัตว์ที่ใช้ปรุงคือ เนื้อหมู กระดูกหมู หรือไก่
  4. แกงป่า แกงเผ็ดที่มีลักษณะที่คล้ายแกงพริกแต่น้ำจะใสกว่า เนื้อสัตว์ที่ใช้ปรุงคือ เนื้อปลา หรือ เนื้อไก่
  5. แกงส้ม หรือแกงเหลืองในภาษากลาง แกงส้มของภาคใต้จะไม่ใส่หัวกระชาย รสชาติจะจัดจ้านกว่าแกงส้มของภาคกลาง และที่สำคัญจะต้องใส่กะปิด้วย
  6. หมูผัดเคยเค็มสะตอ เคยเค็มคือการเอากุ้งเคยมาหมัก ไม่ใช่กะปิ
  7. ปลาต้มส้ม ไม่ใช่แกงเผ็ดแต่เป็นแกงสีเหลืองจากขมิ้น น้ำแกงมีรสชาติเปรี้ยวจากส้มควายและมะขามเปียก
อาหารขึ้นชื่อของชาวมุสลิม
  1. ข้าวยำน้ำบูดู เป็นอาหารพื้นเมืองของชาวมุสลิม ประกอบด้วยข้าวสวยใส่ผักนานาชนิดอย่างเช่น ถั่วฝักยาวซอย ดอกดาหลาซอย ถั่วงอก แตงกวาซอย ใบพลูซอย ใบมะกรูดอ่อนซอย กุ้งแห้งป่น ราดด้วยน้ำบูดู อาจจะโรยพริกป่นตามความต้องการ
  2. กือโป๊ะ เป็นข้าวเกรียบปลาที่มีถิ่นกำเนิดมาจาก 3 จังหวัดชายแดนใต้ (ได้รับอิทธิพลมาจากประเทศมาเลเซีย) มีแบบกรอบซึ่งจะหั่นเป็นแผ่นบางๆแบบข้าวเกรียบทั่วไป แบบนิ่มจะมีลักษณะเป็นแท่ง เวลารับประทานจะเหนียวๆ รับประทานกับน้ำจิ้ม
  3. ไก่ย่าง ไก่ย่างของชาวมุสลิมในภาคใต้นั้น จะมีลักษณะพิเศษคือราดน้ำสีแดงลงไป น้ำสีแดงจะมีรสชาติเผ็ดนิดๆ หวาน เค็ม และกลมกล่อม สามารถหาได้ตามแผงอาหารทั่วไป ตามตลาดนัด หรือตลาดเปิดท้ายทั่วไป
  4. ไก่ทอดหาดใหญ่ จริงๆแล้วไก่ทอดหาดใหญ่เป็นไก่ทอดทั่วไป แต่ไก่ทอดหาดใหญ่เป็นไก่ทอดที่ขึ้นชื่อในภาคใต้

อาหารชาววัง

อาหารชาววัง หรือ กับข้าวเจ้านาย คืออาหารที่ประดิษฐ์คิดค้นโดยผู้คนในรั้ววัง มีอัตลักษณ์ที่สำคัญคือ ความอุดมสมบูรณ์และความสดใหม่ของวัตถุดิบในการประกอบอาหาร มีกรรมวิธีในการทำซับซ้อน ประณีต ต้องใช้เวลาและกำลังผู้คนในการทำจำนวนมาก มีลักษณะความแปลกแตกต่าง ความวิจิตรบรรจง รวมถึงมีรสชาติที่นุ่มนวลไม่เผ็ดมาก มีความกลมกล่อมเป็นหลัก องค์ประกอบของอาหารชาววัง ในแต่ละมื้อจะประกอบด้วยอาหารที่มีความหลากหลาย ในสมัยรัชกาลที่ 5 มีประเภทอาหารอย่างน้อยที่สุด 7 ประเภท คือ ข้าวเสวย เครื่องคาว เครื่องเคียงแกง เครื่องเคียงแขก เครื่องเคียงจิ้ม เครื่องเคียงเกาเหลา เครื่องหวาน อาหารมีครบรส คือ เปรี้ยว หวาน มัน เค็ม เผ็ด อาหารชาววังแตกต่างจากอาหารชาวบ้านคือ การจัดอาหารเป็นชุด หรือ สำรับอาหาร
จากหลักฐานอ้างอิงเดอ ลาลูแบร์ จดบันทึกไว้ว่า อาหารชาววัง คือ อาหารชาวบ้าน แต่มีการนำเสนอที่สวยงาม ไม่มีก้าง ไม่มีกระดูก ต้องเปื่อยนุ่ม ไม่มีของแข็ง ผักก็ต้องพอคำ หากมีเมล็ดก็ต้องนำออก [4] ถ้าเป็นเนื้อสันก็เป็นสันใน กุ้งก็ต้องกุ้งแม่น้ำไม่มีหัว ไม่ใช้ของหมัก ๆ ดอง ๆ หรือของแกงป่า หรือของอะไรที่คาว
food court 
Food court or food boss Food is invented by the people in the palace fence. Identity is important The abundance and freshness of ingredients in cooking. The process of making a complex, delicate and takes time for people to do a lot. A bit different Exquisite The flavor is mild, not spicy. A mellow essentially The composition of the food court Each meal will consist of a variety of food. During the reign of five are at least seven types of food to eat rice, savory side dishes soup. Guests side Dip side Soup and a side of sweet foods taste sweet, sour, salty, spicy food is different from the food court of the house. The food is packaged or restaurant table. 

Based on the evidence de la Barre noted that the food court is the food, but the presentation is beautiful, no bone to bone tender vegetables was not solid enough word. The seeds must be removed [4] If the meat is tenderloin. Shrimp shrimp was beheaded. No use of any fermented malt or other soup. Or something fishy