จากประเทศที่มีเศรษฐกิจพอๆ กับไทย มีสินค้าห่วยๆ ที่ไม่มีใครในโลกอยากใช้ (นอกจากโสม)
มีคนที่ไม่ได้เก่งกาจสามารถอะไรเหนือกว่าคนไทย
คราวนี้จะมาเฉลยเรื่องราวการศึกษาของเกาหลีให้เราฟังกัน
เมื่อประมาณ 20 ปีมานี้ เกาหลีใต้เพิ่งประกาศปฏิรูปการศึกษา
ปัญหาของเขาเหมือนของเราแทบทุกอย่าง เช่น เด็กนักเรียนมุ่งแข่งขันกันเพื่อแย่งที่นั่งในมหาวิทยาลัยดัง
กวดวิชาสนั่นเมืองเช่นเดียวกับบ้านเรา
การศึกษากลายเป็นเครื่องมือแบ่งชนชั้นปริญญา และคนไม่มีปัญญา
แทนที่จะเป็นเครื่องมือพัฒนาคุณภาพของคน ให้คนเป็นคนดี ซื่อสัตย์ รักศักดิ์ศรี
คนจบปริญญาตรีเยอะ แต่ทำงานไม่ได้
คนทำงานระดับฝีมือแรงงานโดนดูถูกว่าไม่มีปริญญา ฯลฯ
เขาเห็นปัญหานี้มา 20 ปี
นายคิม ยอง ซัม เขาหาเสียงว่าจะแก้ปัญหานี้
ผู้คนก็เลือกเขามาเป็นประธานาธิบดี และเขาก็ทำตามที่ประกาศไว้ทันทีหลังรับตำแหน่ง
โดยประกาศให้สร้าง "ระบบการศึกษาใหม่" ซึ่งมีหลักสำคัญคือ
ต้องจัดการศึกษาโดยให้ความสำคัญกับผู้เรียน และเป็นการศึกษาเพื่อพัฒนาคนทั้งประเทศ
เกาหลีกับไทยมีการปฏิรูปการศึกษาที่ใช้หลักการเหมือนกันอย่างกับลอกกันมา
แต่ทำไมเขาทำได้ดีมากและเรายังไม่เห็นจะก้าวหน้าอย่างเขา มาเจอะกันทีละเรื่องเลยนะครับ
from countries with economies as Thailand has its crap. Nobody in the world can take (besides ginseng).
There are people who do not have the versatility to do better than Thailand.
This is a solution of the Korean educational stories to share.
Approximately 20 years ago, South Korea recently announced reforms.
His problem, like most of us, as students head competition for a seat in the university.
Tutorial booming city as well as our home.
The study is divided into class degree. And no,
Rather than as a tool to improve the quality of people. This is a good character, honesty.
I graduate But the work is not
Worker skill level insulted that no degree etc..
He saw this coming 20 years.
Mr. Kim Young Sam his campaign to solve this problem.
The people chose him to be president. And he stated immediately after the inauguration.
The announcement to build "The new study" provides the key is.
By giving priority to education to the students. And a study to develop the whole country.
Korea and Thailand have followed the principles of education reform as well as peeling.
But he did very well and we have not seen his progress. To meet individually with me.
1 ผู้นำเขาจริงจังหลังรับตำแหน่ง
เขาจัดตั้งคณะกรรมการแห่งประธานาธิบดีเพื่อการปฏิรูปการศึกษา (ปี 2537)
โดยมีทั้งนักการเมือง รัฐมนตรี ผู้เชี่ยวชาญและตัวแทนมวลชนกลุ่มต่างๆ
นายกรัฐมนตรีเป็นประธานกรรมการ
ส่วนของเรา หลังรับตำแหน่ง ก็ลืมที่เคยหาเสียงไว้ นอกจากไม่จัดตั้งอะไรแล้ว
แม้กระทั่งรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ ก็ยังได้มาจากการแบ่งโควต้ารัฐมนตรี
การทำงานของกระทรวงก็ยากที่จะเปลี่ยนแปลง เพราะขาดผู้นำ
2 เป้าหมายโดยให้ความสำคัญกับผู้เรียน
สิ่งที่เขาทำคือ เอามหาวิทยาลัยทั้งหมดมาคุยกัน
เอาผู้เชี่ยวชาญด้านการงานอาชีพ ด้านเศรษฐกิจมากำหนดทิศทางการเปิดสอน
คณะไหนสาขาอะไรควรเปิดเขาให้ความสำคัญกับผู้เรียนและการพัฒนาประเทศ
ส่วนเรา มหาวิทยาลัยอยากเปิดสอนอะไร มีครูอาจารย์วิชาไหนก็เปิดกันเข้าไป
ไม่สนใจว่าเด็กจบมาจะมีงานทำไหม
สาขาไหนที่ควรลดจำนวนรับ ก็ไม่ลด
สาขาไหนที่ควรเพิ่ม ก็ไม่เพิ่ม
ยังแย่งกันรับนักศึกษาอีกด้วย
3 การกระจายอำนาจ
เกาหลีกระจายจริง คือให้โรงเรียนแต่ละโรงจัดการศึกษาที่แตกต่างกันได้
โดยให้มีคณะกรรมการสภาประมาณ 7-15 คน ซึ่งมาจากผู้ปกครองประมาณเกือบครึ่ง
ผู้บริหารโรงเรียน 2-3 คนและที่เหลือมาจากการเลือกตั้งของชุมชน
ส่วนของเรา มันไม่กระจายจริง ผู้อำนวยการโรงเรียนยังต้องรับคำสั่งจากกระทรวง
สภาโรงเรียนเกาหลีมีอำนาจในการพิจารณางบประมาณครับ
4 โรงเรียนมีการเปิดสอนหลากหลายรูปแบบ
เน้นไปในทิศทางใด จะมีระเบียบอะไร ผมยาวผมสั้น มันขึ้นกับแต่ละโรงเรียน
ส่วนบ้านเรา ยังไม่เห็นโรงเรียนรัฐที่แตกต่างกัน เพราะทุกอย่างมาจากกระทรวง
ถ้าแตกต่าง ผู้อำนวยการอาจโดนลงโทษ แล้วมันจะเรียกว่ากระจายอำนาจได้อย่างไร
5 การเน้นในเรื่องข้อมูลข่าวสาร
เขารู้ว่าอินเตอร์เน็ตคือแหล่งความรู้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
และเทคโนโลยีทางการศึกษาจะพัฒนาได้อีกมากมายถ้าระบบอินเตอร์เน็ตดีและทั่วถึง
ดังนั้น คนเกาหลีจึงใช้อินเตอร์เน็ตความเร็ว 100MB
ในขณะที่บ้านเราเอาแต่หาประโยชน์ส่วนตัว
แบ่งฝ่ายทะเลาะกัน เราจึงใช้เนตเร็ว 5-6MB กันจนทุกวันนี้
ถ้าถามว่าคนไทยเราทำได้ไหม
ความจริงระบบ 100MB เราก็ทำได้ครับ
คนเก่งๆ เราไม่ได้น้อย วิศวกรด้านนี้เราก็ระดับโลก
แต่ปัญหามันอยู่ที่ไม่ค่อยมีคนรักชาติน่ะครับ
6 การจัดการศึกษาในระดับประถม และมัธยม ที่มีความแตกต่างหลากหลาย
แต่เขาเน้นในจุดที่สำคัญ (ซึ่งไม่ใช่เกรดเฉลี่ย)
นั่นคือ ความซื่อสัตย์ คุณธรรม และ ความรักชาติ
ทุกวันนี้ เกาหลีก็ยังพัฒนาในเรื่องของอุดมศึกษา มีการตั้งธนาคารหน่วยกิต
คือ เรียนแล้วเลิกก็มาเรียนใหม่ได้ ย้ายที่เรียนก็ง่ายๆ
มีการลดหน่วยกิตวิชาเอก เพื่อให้เรียนหลายสาขาพร้อมกัน
(ตามแนวทางสาขาอาชีพแห่งอนาคตที่ผมเขียนไว้ในพ็อคเก็ตบุคhttp://blog.eduzones.com/e-book/ )
และยังมีอีกหลายเรื่องครับที่ประเทศนี้เอาจริง
ใครอยากรู้มากกว่านี้ก็ไปหาได้ในเรื่องการปฏิรูปการศึกษาของเกาหลีใต้ ในเว็บกระทรวงศึกษาของเขา
ถ้าเรายังไม่เร่งพัฒนาการศึกษาไปในทิศทางที่ถูก ประเทศเราก็คงจะเต็มไปด้วยปัญหาด้านศีลธรรม
คนโกงกันจนเป็นสัญญลักษณ์ของประเทศ
ปัญหาด้านความขัดแย้ง แค่ใส่เสื้อคนละสีก็ฆ่ากัน
ปัญหาด้านหลักการและเหตุผล ฆ่าคนตายกลางสี่แยก มีการบันทึกภาพ วีดีโอ แต่หาคนทำผิดมาลงโทษไม่ได้
เผาตึกเผาอาคาร คนเยอะแยะ แต่ไม่รู้ใครทำ
และเราคงจะพอกพูนปัญหาไปอีกมากมาย
ผมเชื่อว่าถ้าเราทำการศึกษาเราให้เป็นเครื่องมือในการพัฒนาคน ในแบบที่เราอยากเห็น
เราจะมีคนรุ่นใหม่ๆ ที่มีความคิด มีเหตุผลและมีศีลธรรมจำนวนมาก
และนั่นแหละครับ คือทางแก้ปัญหาที่น่าจะดีที่สุดของเรา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น